Inverter อินเวอร์เตอร์ยี่ห้อไหนเหมาะกับคุณ? สรุปเปรียบเทียบแบบรู้เรื่องในโพสต์เดียว!

KLANG SOLAR
Jul 16
1 min read

Inverter แต่ละแบรนด์ ต่างกันอย่างไร

อินเวอร์เตอร์ (Inverter) เป็นอุปกรณ์สำคัญในระบบโซลาร์เซลล์ มีหน้าที่แปลงไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ที่ผลิตได้จากแผงโซลาร์เซลล์ ให้เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ที่ใช้ในบ้านเรือนและเชื่อมต่อกับระบบสายส่งของการไฟฟ้า แต่ละแบรนด์ก็จะมีจุดเด่นและข้อแตกต่างกันไป ดังนี้

Huawei inverter (หัวเหว่ย อินเวอร์เตอร์)

1. Huawei Inverter:

จุดเด่น:
- เทคโนโลยีล้ำสมัย: มีประสิทธิภาพสูงถึง 98.8%
- ระบบป้องกันความปลอดภัย: มีระบบป้องกันที่หลากหลายและทันสมัย
- รองรับการทำงานหลากหลาย: สามารถใช้งานได้ทั้ง On-grid, Off-grid และ Hybrid (มีฟังก์ชัน Hybrid แต่ต้องเปิดใช้งานเพิ่มเติม)
- แอปพลิเคชันติดตามการทำงาน: มีแอปพลิเคชัน FusionSolar ที่ช่วยให้ติดตามการผลิตและใช้พลังงานได้อย่างสะดวก
- ศูนย์บริการครอบคลุม: มีศูนย์บริการในประเทศไทย
ข้อจำกัด:
- ราคาอาจสูงกว่าแบรนด์อื่นที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน

2. Growatt Inverter:

จุดเด่น:
- ราคาคุ้มค่า: เมื่อเทียบกับอินเวอร์เตอร์จากยุโรปหรืออเมริกา Growatt มีราคาที่ถูกกว่าประมาณ 20-30% แต่ยังคงให้ประสิทธิภาพและคุณภาพที่ดี
- ประสิทธิภาพสูง: มีประสิทธิภาพการแปลงไฟฟ้าสูงถึง 97-98.4%
- ระบบติดตามออนไลน์: มีแอปพลิเคชัน ShinePhone
ข้อจำกัด:
- ฟังก์ชันการทำงานอาจไม่หลากหลายเท่า Huawei ในบางรุ่น
  
  SOFAR inverter

3. SOFAR Inverter:

จุดเด่น:
- ราคาคุ้มค่า: เป็นอีกแบรนด์ที่ราคาเหมาะสม
- ประสิทธิภาพสูง: ถึง 98.4%
- ระบบป้องกัน: มีระบบป้องกันฟ้าผ่าและกระแสไฟเกิน
- ดีไซน์ทันสมัย น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย:
- ศูนย์บริการครอบคลุม: มีศูนย์บริการในประเทศไทย
ข้อจำกัด:
- ฟังก์ชันการทำงานอาจไม่หลากหลายเท่า Huawei
  
  Fronius inverter

4. Fronius Inverter:

จุดเด่น:
- คุณภาพและประสิทธิภาพสูง: เป็นแบรนด์จากออสเตรีย ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในอินเวอร์เตอร์ที่ดีที่สุด
- ความทนทานสูง: มีอายุการใช้งานยาวนาน (เกือบ 20 ปี)
- ระบบตรวจสอบ: มีระบบการตรวจสอบ Solar.web ที่ช่วยให้สังเกตกิจกรรมในระบบและแจ้งเตือนเมื่อมีปัญหา
- ฟังก์ชัน Hybrid: มีรุ่น Fronius Symo Gen24 Plus ที่สามารถจ่ายไฟได้โดยตรงในกรณีไฟดับ (โดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ในวันที่แดดดี)
ข้อจำกัด:
- ราคาสูง
SolarEdeg inverter

5. SolarEdge Inverter:

จุดเด่น:
- เทคโนโลยี Power Optimizer: ทำงานร่วมกับ Power Optimizer ที่ติดตั้งที่แผงโซลาร์เซลล์แต่ละแผง ทำให้แต่ละแผงทำงานอย่างอิสระ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในกรณีที่มีเงาหรือแผงบางส่วนทำงานไม่เต็มที่
- ความปลอดภัยสูง: มีฟังก์ชันการปิดระบบอย่างรวดเร็ว (Rapid Shutdown) ในกรณีฉุกเฉิน
- การตรวจสอบระดับแผง: สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพของแผงแต่ละแผงได้
ข้อจำกัด:
- ราคาสูง
  
  GoodWe Inverter

6. GoodWe Inverter:

จุดเด่น:
- เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ติดตั้ง DIY
- มีตัวเลือกหลากหลาย
Deye inverter

7. DEYE Inverter:

จุดเด่น:
- ประสิทธิภาพการแปลงพลังงานสูง: ถึง 98.6%
- อายุการใช้งานยาวนาน: 20-25 ปี
- การควบคุมอัจฉริยะ: รองรับการควบคุมระยะไกลผ่านแอป DEYE SmartApp
- ทนทานต่อสภาพแวดล้อม: ออกแบบมาให้ทนทานต่อความร้อนและความชื้นในสภาพอากาศไทย
- การรับประกัน: 10 ปี
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ลดการปล่อยคาร์บอนและประหยัดพลังงาน

โดยรวมแล้ว ข้อแตกต่างหลักๆ ที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกอินเวอร์เตอร์แต่ละแบรนด์ได้แก่:

ประสิทธิภาพ (Efficiency): ค่าประสิทธิภาพในการแปลงไฟ ยิ่งสูงยิ่งดี
เทคโนโลยีและฟังก์ชันการทำงาน: เช่น ระบบติดตาม, ระบบป้องกัน, การรองรับ Hybrid, เทคโนโลยี Microinverter หรือ Power Optimizer
ความทนทานและอายุการใช้งาน: การรับประกันเป็นสิ่งสำคัญ
ราคา: งบประมาณที่ตั้งไว้
บริการหลังการขายและการซัพพอร์ตในประเทศ: ความสะดวกในการติดต่อและแก้ไขปัญหา

คำแนะนำเพิ่มเติม:

ประเมินความต้องการ: พิจารณาขนาดของระบบโซลาร์เซลล์, รูปแบบการใช้งาน (On-grid, Off-grid, Hybrid), และงบประมาณ
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ผู้ติดตั้งโซลาร์เซลล์สามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพบ้านและความต้องการของคุณได้
อ่านรีวิวและเปรียบเทียบข้อมูล: ศึกษาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจความแตกต่างของอินเวอร์เตอร์แต่ละแบรนด์นะครับ