อย่ามองข้าม Grounding ระบบโซลาร์ ถ้าไม่อยากเสี่ยงไฟไหม้
- KLANG SOLAR

- Sep 17
- 1 min read
หลายคนลงทุนในระบบโซลาร์ (Solar PV System) โดยโฟกัสไปที่แผง อินเวอร์เตอร์ หรือแบตเตอรี่ แต่สิ่งหนึ่งที่มักถูกมองข้ามคือ “Grounding” หรือการต่อลงดิน ซึ่งในความจริงแล้ว การทำ Ground ถือเป็นหัวใจด้านความปลอดภัยของระบบ ไม่ต่างจากสายไฟหรือฟิวส์เลยทีเดียว หากละเลย อาจนำไปสู่ปัญหาทั้งระบบไฟฟ้าขัดข้อง ไปจนถึงอันตรายไฟไหม้ได้
ในบทความนี้ Klang Solar จะพาคุณเข้าใจว่า Grounding ของระบบโซลาร์มีหน้าที่อะไร ทำไมถึงสำคัญ และควรเลือกใช้อุปกรณ์อย่างไรให้ถูกต้องตามมาตรฐาน

Grounding คืออะไรในระบบโซลาร์?
Grounding คือการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าและโครงสร้างโลหะเข้ากับ จุดศักย์ไฟฟ้า 0V ของโลก (Earth Potential) เพื่อให้กระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติ เช่น ไฟรั่ว ฟ้าผ่า หรือไฟเกิน ไหลลงดินทันที แทนที่จะผ่านเข้าตัวอุปกรณ์หรือคนที่สัมผัสอยู่
สำหรับระบบโซลาร์ Grounding มีบทบาทหลัก 3 ประการ:
ป้องกันไฟฟ้าดูดและไฟไหม้ – ถ้ามีไฟรั่วลงโครงสร้าง กระแสจะไหลลงดินแทนที่จะผ่านร่างกายคน
ป้องกันอุปกรณ์จากฟ้าผ่า – แม้ติดตั้ง Surge Protection Device (SPD) แล้ว Grounding ยังคงเป็นเส้นทางระบายพลังงานฟ้าผ่าที่จำเป็น
ลดสัญญาณรบกวนทางไฟฟ้า (EMI) – โดยเฉพาะในโครงการใหญ่ที่มีระบบ Monitoring หรือ SCADA
จุดที่ต้องต่อ Ground ในระบบโซลาร์
โครงสร้างแผงโซลาร์ (Mounting Structure) – ใช้สายทองแดงหรืออลูมิเนียมต่อเข้ากับกราวด์หลัก
แผงโซลาร์เซลล์ – มักมีช่อง Grounding Hole ที่เฟรม สำหรับต่อสายดิน
Inverter – โดยเฉพาะ Inverter แบบ String ต้องมีสายดินทั้งฝั่ง AC และ DC
ตู้คอนโทรล / MDB – ต้อง Bonding เข้ากับ Ground Rod ของอาคาร
👉 หากละเลยจุดใดจุดหนึ่ง อาจทำให้ระบบ Grounding ไม่สมบูรณ์และไม่สามารถป้องกันไฟฟ้าผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มาตรฐานที่ควรอ้างอิง
วสท. (สมาคมวิศวกรรมสถานฯ) – แนวทางการออกแบบระบบไฟฟ้าในประเทศไทย
IEC 60364 – มาตรฐานการเดินระบบไฟฟ้าระดับสากล
UL 1741 / NEC (US) – ใช้สำหรับระบบที่ต้องการเทียบมาตรฐานอเมริกา
ปัญหาที่พบบ่อยหาก Grounding ไม่ถูกต้อง
ค่าความต้านทานดินสูงเกินไป – ทำให้ SPD ระบายไฟเกินไม่ออก
ข้อต่อไม่แน่นหรือขึ้นสนิม – ส่งผลให้เกิดความร้อนสะสม
ไม่ได้ Bonding ระบบ Ground ร่วมกัน – อาจเกิดความต่างศักย์ระหว่างจุด Ground ทำให้ไฟย้อนเข้าสู่ระบบ
เลือก Grounding Box Set ที่ได้มาตรฐาน: Kumwell
เมื่อรู้แล้วว่าการทำ Grounding คือหัวใจของความปลอดภัย ขั้นตอนถัดไปคือการเลือกอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ไม่ใช่ว่า “ใช้แท่งทองแดงอะไรก็ได้” เพราะคุณภาพของ แท่งหลักดิน (Ground Rod), ข้อต่อ, และชุดเชื่อมสายกราวด์ ล้วนมีผลโดยตรงต่อความต้านทานดินและความปลอดภัยทั้งระบบ
Kumwell Grounding Box Set เป็นตัวเลือกที่ช่างมืออาชีพไว้วางใจ ประกอบด้วย:
แท่งหลักดินมาตรฐาน มอก.
บ่อตลับดิน ABS
ข้อต่อและหัวรองดอก
ONE TIME สำหรับเชื่อมสายกราวด์ถาวร (แข็งแรงกว่าการขันน็อตทั่วไป)
คู่มือพร้อม QR Code สำหรับติดตั้ง
👉 ราคาชุดละเพียง 1,680 บาท (ต่อจุดกราวด์) ก็สามารถทำให้ระบบโซลาร์ปลอดภัยตามมาตรฐานได้ทันที ลิงค์ https://www.facebook.com/photo?fbid=794497986424836&set=a.414193817788590

FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Grounding โซลาร์
Q: ค่า Ground Resistance ควรอยู่ที่เท่าไร? A: ส่วนใหญ่ควรต่ำกว่า 5 โอห์ม (Ω) ตามมาตรฐานการไฟฟ้าไทย หากเป็นโครงการสำคัญ เช่น โรงงานหรือ Data Center มักกำหนดให้ต่ำกว่า 1–2 Ω
Q: ต้องตรวจสอบ Grounding บ่อยแค่ไหน? A: ควรตรวจสอบค่า Ground Resistance อย่างน้อยปีละครั้ง โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่ดินอาจมีความชื้นเปลี่ยนแปลง
สรุป
Grounding เป็นมากกว่าการ “ปักเสาลงดิน” แต่เป็นระบบป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน หากออกแบบและติดตั้งอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน จะช่วยยืดอายุการใช้งานของระบบโซลาร์ ลดความเสี่ยงไฟฟ้าลัดวงจร และทำให้ผู้ตรวจสอบไฟฟ้ามั่นใจได้มากขึ้น
👉 หากคุณกำลังวางแผนติดตั้งโซลาร์ Klang Solar พร้อมให้คำปรึกษาและจำหน่าย สายไฟโซลาร์มาตรฐาน H1Z2Z2-K และ Kumwell Grounding Box Set ที่รองรับการใช้งานอย่างปลอดภัย ติดต่อได้ที่ www.klangsolar.com




Comments