เจาะลึกส่วนประกอบแผงโซลาร์ JA Solar ทำไมถึงเป็นที่นิยมทั่วโลก?
- KLANG SOLAR

- Aug 22
- 1 min read
หลายคนที่กำลังหาข้อมูลเพื่อติดตั้ง แผงโซลาร์ (Solar Panel) หรือแผง PV มักมองว่าแผงทุกยี่ห้อก็คล้าย ๆ กัน แต่จริง ๆ แล้ว รายละเอียดของแต่ละส่วนประกอบ มีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพ อายุการใช้งาน และความคุ้มค่าของการลงทุน ซึ่งหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศก็คือ JA Solar
วันนี้ Klang Solar จะพาไปดูว่า แผงโซลาร์ JA Solar มีส่วนประกอบสำคัญอะไรบ้าง และแต่ละจุดทำหน้าที่อะไร

1. กระจกนิรภัย (Tempered Glass)
กระจกชั้นบนสุดของแผงโซลาร์ ทำหน้าที่ปกป้องแผงจากฝน ลูกเห็บ ลมแรง หรือแม้แต่ขี้นก โดยปกติจะเป็นกระจกนิรภัยความหนา 3.2 มม. ซึ่ง JA Solar ใช้กระจกคุณภาพสูง ที่สามารถทนแรงกดและแรงกระแทกได้ดีกว่ากระจกทั่วไป ทำให้มั่นใจได้ว่าแผงยังทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแม้ผ่านสภาพอากาศรุนแรง
2. EVA (Ethylene Vinyl Acetate)
EVA คือชั้นฟิล์มใส ๆ ที่อยู่ระหว่างกระจกกับเซลล์โซลาร์ มีหน้าที่ "ยึด" เซลล์โซลาร์ให้แนบแน่นกับกระจหรือแผ่นด้านหลัง พร้อมทั้งป้องกันความชื้นและแรงกระแทกจากภายนอกซึ่ง JA Solar เลือกใช้ EVA ที่มีคุณสมบัติทนความร้อนสูง จึงช่วยลดปัญหาการเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควรได้เป็นอย่างดี
3. เซลล์ของโซลาร์เซลล์ (Solar Cells)
หัวใจหลักของการผลิตไฟฟ้า ปัจจุบัน JA Solar ใช้เซลล์แบบ PERC และ TOPCon ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ามาตรฐานทั่วไป (ค่าประสิทธิภาพโมดูลสูงกว่า 21% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของตลาด)
PERC Cell → ช่วยสะท้อนและดูดซับแสงได้มากขึ้น ทำงานได้ดีในช่วงเช้า–เย็น
TOPCon Cell → เทคโนโลยีใหม่ที่ลดการสูญเสียพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงกว่า PERC อีกขั้น

4. แผ่นด้านหลัง (Back Sheet)
Back Sheet คือแผ่นพลาสติกที่อยู่ด้านหลังสุดของแผง ทำหน้าที่ป้องกันความชื้นและแสง UV JA Solar เลือกใช้ Backsheet คุณภาพสูง ที่ทนไฟและทนสภาพอากาศร้อนชื้นได้ดีกว่าแบบทั่วไป เหมาะอย่างยิ่งกับสภาพอากาศเมืองไทย* รุ่น Bifacial ของ JA Solar ใช้ กระจกสองด้าน (Double Glass) แทน Backsheet
5. กรอบอลูมิเนียม (Aluminum Frame)
กรอบอะลูมิเนียมช่วยเพิ่มความแข็งแรงในการติดตั้ง และทำหน้าที่รองรับน้ำหนักของแผงเวลายึดบนโครงเหล็กกรอบของ JA Solar ผ่านมาตรฐานการทดสอบแรงกดลมและหิมะ แม้ในไทยจะไม่เจอหิมะ แต่ข้อดีนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าแผงจะไม่โก่งงอหรือแตกหักง่าย
6. กล่องเชื่อมต่อสายไฟ (Junction Box)
นี่คืออีกหนึ่งจุดสำคัญที่หลายคนมองข้าม Junction Box เป็นกล่องเล็ก ๆ ด้านหลังแผง มีหน้าที่รวมสายไฟภายในแผง และป้องกันกระแสย้อนกลับที่อาจทำให้แผงเสียหาย
ภายในมักมี ไดโอดป้องกัน (Bypass Diode) เพื่อไม่ให้แผงร้อนผิดปกติ (Hotspot) รวมถึงลดการสูญเสียของกำลังผลิต เวลามีเงาบังบางส่วน (JA Solar ใช้ 3 ไดโอด ซึ่งจะช่วยลดปัญหาที่จะเกิดเวลามีเงาบังได้เป็นอย่างดี)
JA Solar เลือกใช้ Junction Box ที่มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 ซึ่งสามารถป้องกันฝนและความชื้นได้ดีกว่ามาตรฐานทั่วไป
7. สายเคเบิลและหัวต่อ (Cables & Connectors)
เชื่อมต่อจาก Junction Box ไปยังอินเวอร์เตอร์หรือแผงอื่นๆ
JA Solar ใช้หัวต่อมาตรฐานสากล QC 4.10-35 (เทียบเท่า MC4-EVO2)
ออกแบบมาให้ทนความร้อน ป้องกันน้ำ และเชื่อมต่อได้อย่างปลอดภัย
เทคโนโลยีเด่นที่ JA Solar เลือกใช้
นอกจากโครงสร้างพื้นฐานแล้ว JA Solar ยังเสริมด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยให้ แผงโซลาร์เซลล์ ทำงานได้เต็มที่
Half-Cell Technology → ลดการสูญเสียพลังงานจากเงาบัง และช่วยให้แผงทำงานได้เสถียรกว่า
PERC / TOPCon → เพิ่มประสิทธิภาพการแปลงพลังงานแม้ในสภาพแสงน้อย
Bifacial Double Glass → รับแสงได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพิ่มปริมาณไฟฟ้าโดยรวม
สรุป
การเลือก แผงโซลาร์ หรือแผง PV ไม่ใช่แค่ดูที่ราคา แต่ต้องดูที่ส่วนประกอบและเทคโนโลยีที่ผู้ผลิตเลือกใช้ด้วย
JA Solar เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก เพราะเน้นคุณภาพทั้งกระจก EVA เซลล์ PV Backsheet กรอบอลูมิเนียม ไปจนถึง Junction Box และสายเคเบิลกับหัวต่อ ทุกชิ้นล้วนมีผลต่อความทนทานและประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า
👉 หากคุณกำลังมองหาแผงโซลาร์เซลล์ที่ให้ความคุ้มค่าและยาวนานกว่า 25 ปี JA Solar คือหนึ่งในคำตอบที่ Klang Solar แนะนำ




Comments