แบตเตอรี่โซลาร์สำหรับธุรกิจ: คุ้มจริงหรือแค่กระแส?
- KLANG SOLAR
- Aug 28
- 2 min read
ทำไมแบตเตอรี่โซลาร์ถึงสำคัญสำหรับธุรกิจ C&I (Commercial & Industrial) ?
ปัจจุบันหลายธุรกิจเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ ๆ เพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่ม C&I ที่ค่าไฟฟ้าเป็นต้นทุนหลัก การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปช่วยลดค่าไฟได้ระดับหนึ่ง แต่เมื่อผนวกกับ แบตเตอรี่โซลาร์ (Energy Storage System: ESS) จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการพลังงาน
สิ่งที่แตกต่างระหว่าง ธุรกิจ C&I กับ บ้านพักอาศัย คือรูปแบบการคิดค่าไฟฟ้า
บ้านพักอาศัย → เน้นการย้ายพลังงานจาก “กลางวัน (ไม่มีคนอยู่)” ไปยัง “กลางคืน (ใช้ไฟสูง)”
ธุรกิจ C&I → ถูกคิดค่าไฟแบบ TOU (Time of Use Tariff) และยังมี ค่า Demand Charge ทำให้แบตเตอรี่โซลาร์มีบทบาททั้ง Energy Shifting และ การลด Peak Demand ส่งผลให้ลดค่าไฟรวมได้อย่างมีนัยสำคัญ
ประโยชน์ของแบตเตอรี่โซลาร์ในธุรกิจ C&I
Energy Shifting – เก็บไฟฟ้าช่วง Off-peak (ค่าไฟถูก) มาใช้ในช่วง On-peak (ค่าไฟแพง)
ลดค่า Demand Charge – ลดค่าใช้จ่ายจากการใช้ไฟฟ้าสูงในบางช่วงเวลา
เพิ่มเสถียรภาพไฟฟ้า – ป้องกันไฟตก ไฟดับ ลดความเสียหายต่อกระบวนการผลิต
สร้างภาพลักษณ์องค์กรสีเขียว – ตอบโจทย์ด้าน ESG และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจ
ตัวอย่างการลงทุนแบตเตอรี่โซลาร์ (Huawei Luna2000)
ขนาดแบตเตอรี่: 400 kWh
ราคาลงทุน: ~7 ล้านบาท (ไม่รวมค่าห้อง/ระบบ Cooling/อุปกรณ์อื่น ๆ)
การใช้งานเฉลี่ย: 400 kWh/วัน
การประหยัดที่ได้
Energy Shifting (On-peak vs Off-peak)
ส่วนต่างค่าไฟ: ~2.8 บาท/หน่วย
การใช้งานเฉลี่ย: 10,500 kWh/เดือน
ประหยัดค่าไฟ TOU: ~29,400 บาท/เดือน (≈ 352,800 บาท/ปี)
ลด Demand Charge
ประหยัดได้ ≈ 350,000 บาท/ปี
✅ รวมการประหยัดต่อปี: ประมาณ 0.7 ล้านบาท
ระยะเวลาคืนทุนของแบตเตอรี่โซลาร์
ระยะเวลาคืนทุน ≈ 10 ปี
จุดสำคัญคือ แบตเตอรี่ไม่ได้ช่วยให้ “คืนทุนเร็วขึ้น” แต่ช่วยให้ธุรกิจสามารถ จัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ลดความเสี่ยงจากค่าไฟที่อาจสูงขึ้นในอนาคต
หากผนวกกับระบบโซลาร์รูฟท็อป ระยะเวลาคืนทุนอาจสั้นลง ขึ้นอยู่กับ ปริมาณการผลิตไฟฟ้าจากโ
ซลาร์ที่เหลือ เพื่อเก็บเข้าระบบแบตเตอรี่

ข้อควรคำนึงก่อนลงทุนแบตเตอรี่โซลาร์สำหรับธุรกิจ
1. โหลดจริงของธุรกิจ (Load Profile)
ต้องทำการวิเคราะห์รูปแบบการใช้ไฟฟ้าของธุรกิจอย่างละเอียด เช่น เวลาที่ใช้ไฟสูงสุด (Peak Load), การใช้ไฟในช่วงกลางวัน/กลางคืน, และสัดส่วนไฟฟ้าที่ใช้ใน Off-peak เทียบกับ On-peak
หากธุรกิจมีการใช้ไฟสูงในช่วง On-peak การใช้แบตเตอรี่เพื่อ Energy Shifting จะคุ้มค่า
ธุรกิจที่มีโหลดไฟฟ้า “สวิงแรง” หรือมีการกระโดดของ Demand Peak จะยิ่งได้ประโยชน์จากการติดตั้งแบตเตอรี่
2. ขนาดระบบโซลาร์ต้องเผื่อเพียงพอ
การติดตั้งแบตเตอรี่ให้คุ้ม ต้องมั่นใจว่า มีพลังงานเหลือ จากระบบโซลาร์สำหรับการเก็บ ไม่เช่นนั้นแบตเตอรี่จะถูกชาร์จจากไฟฟ้าของการไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ทำให้ประโยชน์ลดลง
การออกแบบควรพิจารณา สัดส่วน Solar PV : Battery ที่เหมาะสม เช่น ถ้ามีโซลาร์ 1 MW อาจออกแบบแบตเตอรี่ขนาด 0.5–1 MWh ขึ้นกับรูปแบบการใช้ไฟ
หากโซลาร์ผลิตไม่พอ อาจต้องขยายกำลังการผลิตก่อน หรือเลือกแบตเตอรี่ขนาดเล็กเพื่อทดสอบความคุ้มค่า
3. งบลงทุนและเป้าหมายของธุรกิจ
ต้นทุนของแบตเตอรี่โซลาร์ยังค่อนข้างสูง (ระดับหลายล้านบาทสำหรับระบบ C&I) ดังนั้นต้องชัดเจนว่า เป้าหมายหลักคืออะไร
ถ้าเน้น คืนทุนไวที่สุด → เริ่มจาก โซลาร์รูฟท็อปอย่างเดียว จะเหมาะกว่า
ถ้าเน้น ควบคุมค่าไฟระยะยาว / ลด Demand Charge / เสถียรภาพระบบไฟฟ้า / ภาพลักษณ์ ESG → แบตเตอรี่คือการลงทุนที่คุ้มค่า
ธุรกิจควรวางแผน Cash Flow และ Payback Period ให้สอดคล้องกับการลงทุน
4. มาตรฐานอุปกรณ์และความน่าเชื่อถือของแบรนด์
แบตเตอรี่ต้องมี การรับรองมาตรฐานสากล เช่น IEC, UL, CE เพื่อความปลอดภัย
ต้องพิจารณา ระบบ BMS (Battery Management System) ที่ช่วยควบคุมการชาร์จ-ดิสชาร์จ ป้องกัน Overcharge, Overheat, และยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่
เลือกใช้ Inverter และ Battery จากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ เช่น Huawei, Sungrow, BYD ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับงาน C&I
ตรวจสอบ บริการหลังการขาย, การรับประกัน, และทีมซัพพอร์ตในประเทศ ซึ่งมีผลต่อความคุ้มค่าในระยะยาว
5. พื้นที่ติดตั้งและระบบประกอบ (Balance of System)
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ต้องใช้พื้นที่ติดตั้งเฉพาะ เช่น ห้องแบตเตอรี่หรือ Container Battery Storage
ต้องมีระบบ Cooling / Ventilation เพื่อรักษาอุณหภูมิไม่ให้สูงเกินไป
อาจต้องลงทุนในอุปกรณ์ประกอบเพิ่มเติม เช่น Switchgear, Protection, SCADA หรือระบบ Monitoring
6. กฎระเบียบและมาตรการสนับสนุน
ตรวจสอบว่าพื้นที่ติดตั้งอยู่ภายใต้ ข้อกำหนดของการไฟฟ้าและกฎหมายพลังงาน หรือไม่
ปัจจุบันภาครัฐเริ่มมีนโยบายสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนและระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) อาจมีโอกาสได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีหรือเงินสนับสนุนในอนาคต
✅ การลงทุนแบตเตอรี่โซลาร์สำหรับธุรกิจไม่ใช่แค่เรื่อง เทคโนโลยี แต่ต้องคำนึงถึง การเงิน, กลยุทธ์องค์กร, และความยั่งยืนในอนาคต หากวิเคราะห์ครบทุกปัจจัย ธุรกิจ C&I จะสามารถใช้ประโยชน์จากแบตเตอรี่ได้สูงสุด
สรุป: แบตเตอรี่โซลาร์สำหรับธุรกิจ C&I คุ้มไหม?
ถ้าต้องการคืนทุนไวที่สุด → ติดตั้ง โซลาร์รูฟท็อปอย่างเดียว ยังตอบโจทย์มากกว่า
ถ้าต้องการควบคุมค่าไฟระยะยาว ลดความเสี่ยงจากค่าไฟแพง ตัด Peak Demand และสร้างภาพลักษณ์ ESG → การลงทุนใน แบตเตอรี่โซลาร์ ถือว่าน่าสนใจและคุ้มค่าในมุมมองเชิงกลยุทธ์
Comments